วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน

ความหมายและความสำคัญของคอมพิวเตอร์

  ปัจจุบันจะพบว่าคอมพิวเตอร์มีหลากหลายลักษณะ หลากหลายรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เช่น คอมพิวเตอร์เมนเฟรม หรือซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม คอมพิวเตอร์ก็มีความหมายที่ชัดเจนในตัวของมันเอง คือ เครื่องคำนวณ ในรูปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง ผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล แล้วนำข้อมูลและคำสั่งนั้น ไปประมวลผลด้วยหน่วยประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และแสดงผลผ่านอุปกรณ์แสดงผล ตลอดจนสามารถบันทึกรายการต่างๆ ไว้เพื่อใช้งานได้ด้วยอุปกรณ์บันทึกข้อมูลสำรอง
              คอมพิวเตอร์จึงสามารถมีรูปร่างอย่างไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปร่างอย่างที่เราคุ้นเคย หรือพบเห็น ตัวอย่างเช่น เครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ หรือ ATM ก็ถือว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง


เหตุผลที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน
             1. สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง (Bar-code) อ่านเวลาเข้า-ออก ของพนักงาน และคิดราคาสินค้า ในห้างสรรพสินค้า
             2. สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากๆ ไว้ในฐานข้อมูล (Database) เพื่อใช้งานได้ทันที
             3. สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติ แยกประเภท จัดกลุ่ม ทำรายงานลักษณะต่างๆ ได้ โดยระบบประมวลผลข้อมูล (Data Processing)
             4. สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล (Data Communication)
             5. สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบประมวลผลคำ (Word Processing) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation)
             6. การนำมาใช้งานทั้งด้านการศึกษา การวิจัย
             7. การใช้งานธุรกิจ งานการเงิน ธนาคาร และงานของภาครัฐต่างๆ เช่น การนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับงานบัญชี งานบริหารสำนักงาน งานเอกสาร งานการเงิน การจองตั๋วเครื่องบิน รถไฟ
             8. การควบคุมระบบอัตโนมัติต่างๆ เช่น ระบบจราจร, ระบบเปิด/ปิดน้ำของเขื่อน
             9. การใช้เพื่องานวิเคราะห์ต่างๆ เช่น การวิเคราะห์สภาวะดินฟ้าอากาศ สภาพของดิน น้ำ เพื่อการเกษตร
           10. การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจำลองรูปแบบ เช่น การจำลองในงานวิทยาศาสตร์ จำลองโมเลกุล จำลองรูปแบบการฝึกขับเครื่องบิน
           11. การใช้คอมพิวเตอร์นันทนาการ เช่นการเล่นเกม การดูหนัง ฟังเพลง
           12. การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยอี่นๆ เทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล เกิดเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

 หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
              การทำงานของคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยหน่วยสำคัญ 4 หน่วย คือ หน่วยรับข้อมูล1  จะรับข้อมูลโดยผู้ใชัเป็นผู้ป้อนคำสั่ง แล้วส่งไปยัง หน่วยประมวลผล2  ซึ่งทำหน้าที่ในการคิดคำนวณ หรือประมวลผลข้อมูล โดยทำตาม โปรแกรมที่เก็บไว้ในหน่วยความจำหลัก3 หน่วยความจำหลักซึ่งเป็นหน่วยความจำที่หน่วยประมวลผลสามารถอ่านเขียนได้รวดเร็วมาก ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ที่หน่วยความจำหลักนี้เพื่อให้หน่วยประมวลผลนำมาตีความและกระทำตามได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหน่วยความจำสำรองมีไว้สำหรับเก็บข้อมูลหรือโปรแกรมที่มีจำนวนมาก และหากจะใช้งานก็มีการถ่ายจากหน่วยความจำสำรองมายังหน่วยความ แล้วนำข้อมูลที่เก็บไว้มาประมวลผล หน่วยส่งออกหน่วยแสดงผล4 เป็นหน่วยที่นำข้อมูลที่ได้รับการประมวลมาแสดงผล
ลักษณะและประเภทของงานคอมพิวเตอร์
              ประมาณปี พ.ศ. 2500 คอมพิวเตอร์มีอยู่ในโลกนี้ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องในระบบเมนเฟรม ซึ่งมีขนาดใหญ่และราคาแพง ใช้กับงานทางด้านวิทยาศาสตร์เท่านั้น ซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากนัก แต่ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้มีขนาดเล็กลง และ ราคาก็ไม่แพงนัก คนทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้ได้เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไป งานที่คอมพิวเตอร์ทำตัวอย่างเช่น
             1. งานที่ต้องจัดเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมาก เช่น เก็บข้อมูลงานทะเบียนราษฏฐ์ เป็นต้น
             2. งานที่ต้องอาศัยการประมวลผลที่รวดเร็ว มีความแม่นยำและถูกต้องที่สุด เช่นงานด้านวิทยาศาสตร์
             3. งานที่ไม่ต้องการหยุดพัก คือทำงานได้ตลอดเวลา ในขณะที่ยังต้องมีไฟฟ้าอยู่
             4. งานที่คนไม่สามารถเข้าไปทำได้ เช่นในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย เช่น ที่มีก๊าซพิษ กัมมันตภาพรังสี หรือในงานที่มีความเสี่ยงสูงในโรงงานอุตสาหกรรม

งานคอมพิวเตอร์กับงานการศึกษา
               ปัจจุบันตามสถานศึกษาต่างๆ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมากมาย รวมทั้งใช้คอมพิวเตอร์ในงานบริหารของโรงเรียน เช่น การจัดทำประวัตินักเรียน ประวัติครูอาจารย์ การคัดคะแนนสอบ การจัดทำตารางสอน ใช้คอมพิวเตอร์ ในงานห้องสมุด การจัดทำตารางสอ น เป็นต้น
               ตัวอย่าง ในการประยุกต์ด้านการศึกษา เช่น โปรแกรมฝ่ายทะเบียนวัดผ โปรแกรมตรวจข้อสอบ เป็นต้น

บทบาทหน้าที่ของคอมพิวเตอร์
1. การใช้คอมพิวเตอร์ในวงธุรกิจทั่วไป
บริษัทธุรกิจทั่วไปมักใช้คอมพิวเตอร์ในงานหลายอย่าง ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็วในการทำงานสำหรับผู้ใช้ และลูกค้า เช่น งานระบบบัญชี
ได้แก่ การพิมพ์ใบสั่ง สินค้า พิมพ์ใบเสร็จรับเงิน สามารถพิมพ์ได้เร็วขึ้น และเป็นการกระตุ้นลูกค้าให้ส่งเงินชำระเร็วขึ้น
นอกจากนี้ยังนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหารงานบุคคลได้แก่ คำนวณเงินเดือน และค่าแรงพนักงานบริษัท ซึ่งลดความซับซ้อนและยุ่งยากลงได้มาก
2. การใช้งานคอมพิวเตอร์ในวงการธนาคาร
ธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น ด้านการบริการลูกค้า โดยนำคอมพิวเตอร์เข้ามาในระบบการฝาก-ถอนเงิน โดยเฉพาะต่างสาขา โดย
ไม่ต้องเสียเวลารอคอย นอกจากนั้น ระบบบริการเงินอัตโนมัติ หรือ เอทีเอ็ม (Automatic Teller Machine : ATM.) มาใช้เป็นระบบ On-line
Banking ช่วยทำให้ลูกค้าสามารถฝาก-ถอนเงินสดได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ลูกค้าจะต้องมีบัตรพิเศษ ซึ่งจะมีแถบแม่เหล็ก (Magnetic Stripe) ติดอยู่
ข้างหลังบัตรนั้น ซึ่งแถบแม่เหล็กนี้ จะเป็นตัวเก็บข้อมูลของผู้ถือบัตร หรือของลูกค้าไว้ บัตรนี้เรียกว่า "บัตรเครดิต" (Credit Card) ผู้ถือบัตรจะต้องมีรหัส
ของตนเอง ทำให้สะดวกในการซื้อขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต

3. การใช้คอมพิวเตอร์กับธุรกิจโรงแรม คอมพิวเตอร์ช่วยในการบริหารธุรกิจการโรงแรม โดยการติดตั้งเครื่องพ่วง หรือ เทอร์มินอล (Terminal) สำหรับการรับ-ส่งข้อมูลไว้ยังจุดต่างๆ
ของโรงแรม เช่น แผนกต้อนรับ , บาร์ , ภัตตาคาร ในโรงแรม , แผนกบริการจองห้องพักออนไลน์ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
4. การใช้คอมพิวเตอร์ในวงการแพทย์
ในกิจการแพทย์ ได้นำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานทะเบียนประวัติผู้ป่วย , การนัดผู้ป่วยเพื่อมาตรวจ , การสั่งยา หรือ ระบบการเงิน การบัญชี ทั้งหมด
นี้จะถูกวางไว้ในระบบเครือข่าย เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ให้ถึงกันตามจุดหรือห้องต่างๆ
นอกจากนั้น ยังใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการตรวจรักษาผู้ป่วย ในรูปแบบของหุ่นยนต์ (Robot) มาช่วยในการผ่าตัดสมอง ซึ่งหุ่นยนต์ สามารถ
คำนวณ และการเคลื่อนไหวของการผ่าตัดสมอง หรือ กะโหลกศีรษะ , การนำหุ่นยนต์มาช่วยในการทำศัลยกรรม ให้มีความปลอดภัยและสะดวกรวดเร็วขึ้นการใช้คอมพิวเตอร์ในการตรวจสุขภาพร่างกาย เป็นต้น
5. คอมพิวเตอร์กับการศึกษา
ในด้านการศึกษา แบ่งการใช้คอมพิวเตอร์ได้ 2 ด้าน ดังนี้
1. ด้านงานบริหารสถานศึกษา
2. ด้านการเรียนการสอน
1. ด้านงานบริหารสถานศึกษา : ใช้คอมพิวเตอร์ในงานข้อมูลสารสนเทศฝ่าย , งานวัดผลการศึกษา , งานการเงิน-บัญชี , งานพัสดุ ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหาร และการจัดการข้อมูลต่างๆ ของโรงเรียน ทำให้สะดวก รวดเร็วและประสิทธิภาพของงานสูงขึ้น
2. ด้านการเรียนการสอน : ได้แก่ การจัดทำสื่อการสอน , การจัดการเรียนการสอนนักเรียน และรูปแบบ วิธีการสอน โดยการนำ คอมพิวเตอร์
มาช่วย เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI. (Computer Assisted Instruction) หรือ การสอนแบบออนไลน์ ผ่านเวบไซท์ต่างๆ

การเรียนการสอนแบบออนไลน์ผ่านเวบไซท์

3. คอมพิวเตอร์ในงานอุตสาหกรรมการผลิต : ใช้คอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์และออกแบบด้านสถาปัตยกรรม หรือ โครงสร้าง ที่เรียกว่า
CAD. ( Computer Aided Design) และ นำมาใช้ในงานผลิตเครื่องจักรกลต่างๆ หรือ สินค้า - ผลิตภัณฑ์ต่างๆ (CAM. (Computer AidedManufacturing)
4. คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจสายการบิน : สายการบินทั่วโลกนำคอมพิวเตอร์มาใช้ ในการจัดการให้กับลูกค้าหรือผู้โดยสาร เช่น การสำรองที่นั่งตารางเที่ยวบิน นอกจากนี้ยังใช้ในการควบคุมการบินของเครื่องบิน และ ใช้ควบคุมในหอบังคับการบิน
5. คอมพิวเตอร์ในงานด้านการบันเทิง : ได้แก่ งานภาพยนต์ , งานด้านดนตรี , งานด้านศิลปะและการออกแบบ , การเต้นรำ เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น